รู้จักและจัดการสิวในมุมมองของหมอผิว

Article Read Duration 7 min read

“สิว” ปัญหาผิวที่หลายคนคุ้นเคย หรืออาจสนิทสนมพบเจอกันเป็นประจำ ไม่ว่าจะสิวผด สิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวหัวดำ สิวหัวขาว สิวหัวช้าง สิวอักเสบ หลากหลายชื่อตามลักษณะของสิว แล้วเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากการพิจารณาประสิทธิภาพ/ผลหลังการใช้จากการเคลมของผลิตภัณฑ์ แต่หากลองใช้หลักการเลือกผลิตภัณฑ์จากกลไกการทำงานที่ไปจัดการกับปัญหาสิวที่สาเหตุอย่างตรงจุด

ประเภทของสิว

เริ่มต้นจากการแบ่งปัญหาสิวตามลักษณะอาการ เราสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ


สิวอุดตัน

สิวที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียนแต่สัมผัสแล้วไม่เจ็บหรือที่เรียกว่า “สิวอุดตัน” เกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ (1) ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไปและ (2) มีการแบ่งเซลล์ผิวมากผิดปกติบริเวณรูขุมขน


สิวอักเสบ

ลักษณะสิวที่ทำให้ใบหน้าไม่เรียบเนียนเมื่อไปโดนแล้วมีอาการเจ็บนั่นคือเกิดขึ้นจากการอักเสบหรือเราเรียกสิวประเภทนี้ว่า “สิวอักเสบ” ซึ่งสามารถพัฒนาได้จากสิวประเภทแรก (สิวอุดตัน) ร่วมกับ (3) การเกิดการอักเสบภายในผิว และ (4) มีการติดเชื้อแบคทีเรียทำให้มีอาการปวด-บวม-แดง-แสบ-ร้อน ซึ่งเป็น 5 ลักษณะอาการของอาการอักเสบ


แนวทางการแก้ปัญหาสิว

จากสาเหตุของสิว (สิวอุดตัน และสิวอักเสบ) ทั้ง 4 สาเหตุ หากเราจะดูแลแก้ปัญหาสิวก็สามารถมองไปที่สาเหตุแล้วไปจัดการที่สาเหตุดังกล่าว


แก้ปัญหาสิวอุดตัน

วิธีการจัดการกับสิวอุดตันก็ควรจะไปจัดการที่ 2 สาเหตุด้วยการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ (1) ลดกาผลิตน้ำมันที่มากผิดปกติ เช่น ซิงค์ (Zinc) และ (2) สารผลัดเซลล์ผิว ไปเสริมกระบวนการผลัดซากเซลล์ผิวที่มีมากเกินไป ที่ทำให้เกิดการอุดตัน แต่ในเรื่องของการอุดตันสามารถเกิดการอุดตันได้ตั้งแต่ในบริเวณรูขุมขนเป็นการอุดตันเล็กๆที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่าเราเรียกการอุดตันประเภทนี้ว่าไมโครคอมมีโดน (Microcomedone) สารที่มีคุณสมบัติผลัดเซลล์เช่นซาลิไซลิก แอซิด (Salicylic acid, BHA) ไกลโคลิก แอซิด (Glycolic acid) สามารถไปช่วยสลายการอุดตันที่เกิดขึ้นตั้งแต่อยู่ภายในรูขุมขนหรือที่เรียกว่าไมโครคอมิโดนได้นั่นเอง โดยเฉพาะผู้ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่ายสามารถเกิดการอุดตันได้ง่ายมักจะพบไมโครคอมมิโดนจำนวนมากอยู่ใต้ผิว ดังนั้นหากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่ช่วยสลายหรือไปจัดการตั้งแต่จุดเริ่มต้นของการเกิดสิวที่เรียกว่าไมโครคอมมิโดนก็เป็นการดูแลปัญหาจุดเริ่มต้นของทุกสาเหตุสิวโดยเฉพาะสิวอุดตัน


แก้ปัญหาสิวอักเสบ

เช่นเดียวกันในกรณีที่เป็นสิวอักเสบนอกจาก 2 กลไกข้างต้นที่จะไปช่วยจัดการ 2 สาเหตุแรกของทั้งสิวอุดตันและสิวอักเสบก็อาจจะต้องพิจารณามองหากกลไกการทำงานเพิ่มเติมในผลิตภัณฑ์ ต้องลองมองหาสารที่จะไปช่วยลดการอักเสบเช่นไนอะซินามายด์ (Niacinamide) หรือวิตามินบี 3 รวมถึงการติดเชื้อแบคทีเรีย ที่วันนี้ทางการแพทย์ค้นพบแล้วว่าเชื้อแบคทีเรีย C.acne แบ่งย่อยเป็นอีก 6 ชนิด (Phototypes) ซึ่งเมื่อผิวที่มีสิวจะพบแบคทีเรีย “C.acne Phylotype IA1” มากที่สุดดังนั้นหากเราสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเพาะเจาะจงกับการลดเชื้อแบคทีเรีย “C.acne Phylotype IA1” ก็จะช่วยให้จัดการปัญหาสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น และเห็นผลได้เร็วมากขึ้นด้วย แล้วยังมีการค้นพบทางการแพทย์ว่านอกจากการติดเชื้อแบคทีเรียแล้วยังมีเรื่องของการเสียสมดุลแบคทีเรียไมโครไบโอม (Micobiome) บนผิวที่ส่งผลทำให้เกิดสิวได้ ดังนั้นควรพิจารณาเลือกสารที่มีคุณสมบัติไปช่วยปรับสมดุลไมโครไบโอมบนผิวให้กลับมามีความสมดุลกันอีกครั้งเพื่อลดปัญหาของการอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย


สรุป

ลักษณะการแก้ปัญหาสิวที่สาเหตุดังกล่าวข้างต้น ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตันเป็นการดูแลปัญหาสิวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการรักษาสิวทางการแพทย์ หากลองสังเกตจะพบว่าแพทย์ผิวหนังจะจ่ายยารักษาสิวตามลักษณะของสิวที่เป็น (เช่นเดียวกับการรักษาโรคที่แพทย์จะรักษาตามอาการ เช่นอาการหวัด โดยแพทย์จะจ่ายยาตามอาการ ถ้ามีน้ำมูกก็ให้ยาลดน้ำมูก ถ้ามีอาการไอก็ให้ยาลดอาการไอไป แต่หากมีอาการทั้งหมดรวมอยู่ในคนคนเดียวกันเช่นเกิดกลายเป็นสิวอักเสบ (เกิดจากทั้ง 4 สาเหตุหลัก) ก็จะเป็นการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพหากไปจัดการทุกๆ อาการทุกๆ สาเหตุของการเกิดสิว

เมื่อพูดถึงการดูแลปัญหาสิวด้วยการใช้ยา ในผู้ที่เคยใช้ยารักษาสิว ไม่ว่าจะเป็นยาใดๆ เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าจะพบอาการข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิว เช่นอาการผิวแห้ง แดง ลอก (เป็นลักษณะอาการที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า) และอีกลักษณะของอาการข้างเคียงจากการใช้ยารักษาสิวคืออาการของความรู้สึกไม่สบายผิว เช่นแสบ คัน ตึง ระคายเคือง ทั้งหมดเป็นผลจากกลไกการทำงานของยารักษาสิว อาการทั้งหมดเหล่านี้ส่งผลต่อปราการของผิวเพราะอาการของผิวแห้งจะส่งผลทำให้ผิวสามารถเกิดอาการระคายเคืองได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นในผู้ที่ใช้ยาในการรักษาสิวจำเป็นต้องพิจารณาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหรือสกินแคร์ (Skincare) ที่นอกจากจะเป็นมอยซ์เจอไรเซอร์ (moisturizer) ให้ความชุ่มชื้นกับผิวแล้ว ควรจะต้องมีคุณสมบัติไปซ่อมแซมปราการผิว (Skin barrier) เพื่อลดอาการแสบอาการผิวแห้งแดงแห้งลอกเช่นสารเชียร์ บัตเตอร์ (Shae butter) และช่วยปลอบประโลมผิวลดอาการระคายเคืองเช่นสารในกลุ่มของแพนทีนอล (Panthenol) หรือวิตามินบี 5 และหากมีสารที่ช่วยดูแลปัญหาสิวร่วมด้วยก็จะดีและคงจะเหมือนกับการดูแลอย่างครอบคลุมที่สุดหากสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดูแลครบทั้ง 4 สาเหตุหลักของการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบร่วมด้วยกับคุณสมบัติ การเสริมความแข็งแรงให้กับปราการผิวพร้อมลดอาการระคายเคืองจากการใช้ยา นี่คือผลิตภัณฑ์ดูแลสิวในอุดมคติสำหรับผู้ที่ใช้ยารักษาสิวร่วมด้วย