จุดด่างดำเกิดจากอะไร ตัวการที่ทำให้เกิดจุดด่างดำบนใบหน้า
- การอักเสบที่ใต้ชั้นผิว
- การบีบแคะแกะสิว
- แสงแดด
เมื่อเกิดการอักเสบใต้ชั้นผิวจากสิวชนิดต่าง ๆ ผิวของเราจะมีกระบวนการหลั่งสารอักเสบออกมา ซึ่งส่งผลให้เกิดการสร้างเมลานินหรือเม็ดสีผิวขึ้นมาปริมาณมากบริเวณที่อักเสบ เรียกว่ากระบวนการ Post-Inflammatory Hyperpigmentation (PIH) ทำให้เมื่อสิวยุบลงไปแล้ว ยังคงเหลือร่องรอยจุดด่างดำบนผิวนั่นเอง
หลายคนอดทนรอให้สิวหายเองไม่ไหว อยากให้สิวออกไปจากหน้าเร็ว ๆ จึงพยายามบีบแกะและเค้นสิว ไม่ว่าจะเป็นสิวผด สิวหัวดำ สิวอักเสบ หรือสิวหัวช้าง ซึ่งยิ่งสิวมีขนาดใหญ่เท่าไหร่ ความเสียหายหลังจากการบีบก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น โดยจะทิ้งเป็นรอยแดงและรอยด่างดำเอาไว้ให้เรานานยิ่งกว่าตัวสิวเองซะอีก
ศัตรูตัวร้ายที่เป็นตัวการให้ผิวเราหมองคล้ำ เพราะรังสี UV ในแสงแดด ทำให้ผิวของเรามีการผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้น ความเข้มเพิ่มมากขึ้น อาจทำให้ขนาดของจุดด่างดำเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รอยดำและจุดด่างดำบนใบหน้าของเราจะยิ่งเข้มและใช้เวลานานมากขึ้นในการลบเลือนนั่นเอง
รอยดำจากสิวและรอยแดงจากสิวต่างกันอย่างไร
รอยดำและรอยแดงจากสิว ดูเผิน ๆ อาจคิดว่าไม่ได้ต่างกัน แต่จริง ๆ แล้วรอยทั้งสองชนิดนั้นเกิดจากสาเหตุที่ต่างกัน แถมยังมีวิธีการและระยะเวลาในการรักษาที่ต่างกันอีกด้วย โดยรอยดำจากสิวนั้นเกิดจากความพยายามฟื้นตัวของเนื้อเยื่อที่ถูกทำลายแต่ทำไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีการผลิตเม็ดสี จึงเกิดเป็นรอยที่มีสีน้ำตาลคล้ำหรือสีดำ ส่วนรอยแดงจากสิวนั้นเกิดจากการอักเสบบริเวณเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังร่วมกับการขยายตัวของเส้นเลือดฝอยจากการโดนแคะ แกะ บีบหรือสครับหน้า จึงทำให้เกิดเป็นรอยแดงช้ำ อาจกล่าวได้ว่าจากสิวอักเสบ หากเราดูแลไม่ถูกต้องจะกลายเป็นรอยแดง ซึ่งการลดรอยแดงที่เกิดจากสิวใช้ระยะเวลาเป็นหน่วยเดือน แต่หากรอยแดงที่เกิดขึ้น แล้วเราไม่กด แกะ บีบ เค้น อาจส่งผลให้รอยนั้นกลายเป็นรอยดำ จากการกระตุ้นเซลล์ในผิวให้ผลิตเม็ดสีเพิ่มมากขึ้นส่งผลให้เกิดเป็นรอยดำ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาที่ยาวนานกว่า ในบางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน เพื่อให้รอยดำที่เกิดจากสิวกลับมาใกล้เคียงกับสีผิวปกติ ดังนั้น ใครที่ชอบบีบสิวอาจจะต้องยั้งมือแล้ว เพราะได้ไม่คุ้มเสียเลยรวมวิธีลดรอยสิว จุดด่างดำบนใบหน้า
ใช้ครีมลดรอยสิว
การเลือกครีมลดรอยสิวนั้น ควรเลือกที่มีส่วนผสมของกลุ่มของสารผลัดเซลล์ เช่น LHA หรือซาลิลิก แอซิด ที่ไปช่วยผลัดรอยสิวออกไป ทำให้รอยแดง หรือรอยดำ ดูจางลง หรือไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) ที่มีคุณสมบัติลดอการอักเสบ และช่วยลดการส่งต่อของเม็ดสีของเซลล์ผิว ก็ช่วยให้รอยสิวจางลงได้เช่นเดียวกันหรือโปรซีหราด (Procerad) สารลิขสิทธิ์ของลา โรช-โพเซย์ที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบ จึงช่วยลดรอยแดงและยังสามารถช่วยลดการผลิตเม็ดสี ทำให้รอยดำดูจางลง หรืออาจจะมองหาส่วนผสมตัวอื่นที่ช่วยเรื่องการลดจุดด่างดำด้วยเช่นกันอย่าง วิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน โคจิก ทรานซามิค เป็นต้นทาครีมกันแดดในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำทุกเช้า
พึงระลึกไว้เลยว่าครีมกันแดดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นและห้ามขี้เกียจทาเด็ดขาด เพราะนอกจากจะป้องกันความหมองคล้ำให้ทั้งใบหน้าแล้ว ยังช่วยเป็นเกราะปกป้องจุดด่างดำจากแสงแดดให้จุดด่างดำจางเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องและทาปริมาณที่ถูกต้องและเหมาะสม และเนื้อครีมไม่เหนียวเหนอะหนะและช่วยควบคุมความมันเพื่อป้องกันการเกิดการอุดตันที่รูขุมขนนั่นเองทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรทานอาหารที่มีประโยชน์อย่างผักหรือผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เพราะจะมีส่วนช่วยให้รอยดำและรอยแดงจากสิวดูจางลงและลดการอักเสบของสิวได้ดีมาสก์หน้าด้วยวัตถุดิบธรรมชาติ
วัตถุดิบหลายชนิดจากธรรมชาติทั้งผักและผลไม้บางชนิด มีสรรพคุณช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดรอยสิวและจุดด่างดำให้จางลง ให้หน้าขาวกระจ่างใสขึ้น เช่น น้ำผึ้ง ว่านหางจระเข้ น้ำมะนาว นมสด เป็นต้น โดยสามารถค้นหาสูตรผสมและนำมามาสก์หน้าประมาณ 10 - 15 นาที ก็จะสามารถช่วยเรื่องจุดด่างดำให้จางลงได้ทำ IPL หรือเลเซอร์
แค่ครีมดูแลปัญหาสิวธรรมดาอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ การทำเลเซอร์ จึงเป็นวิธีการแก้ปัญหาสำหรับคนที่เจอปัญหารอยสิว จุดด่างดำ แบบจัดหนัก หรืออาจมีหลุมสิวร่วมด้วย โดยวิธีนี้เป็นการใช้พลังงานคลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูงเข้าไปรักษาถึงชั้นผิวที่เกิดปัญหา ช่วยลดรอยสิวและรอยแดงให้จางลง วิธีนี้เป็นวิธีที่ให้ผลเร็ว แต่อาจมีราคาค่อนข้างสูงและควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญแนะนำผลิตภัณฑ์ ครีมลดเลือนรอยสิว จุดด่างดำ ที่ใช้แล้วดี มีประสิทธิภาพ
- 1. EFFACLAR MICELLAR WATER
การทำความสะอาดเป็นขั้นตอนที่สำคัญมากสำหรับทุกปัญหาผิว โดยเฉพาะปัญหาสิว ยิ่งกับสาว ๆ ที่ต้องมีการเสริมเติมแต่งเมคอัพลงไปบนผิว ขั้นตอนการเช็ดเครื่องสำอางก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของการดูแลปัญหาสิวที่สำคัญ EFFACLAR MICELLAR WATER เอฟฟาคลาร์ ไมเซลล่าร์ คลีนซิ่งน้ำแร่สำหรับผู้ที่มีปัญหาสิว ผิวมัน ผสานซิงค์ที่ไปช่วยควบคุมความมัน พร้อมเทคโนโลยี “ไกลโคไมเซลล่าร์” เพียงแค่สำลีแผ่นแรกสามารถเช็ดรองพื้นออกได้ถึง 99%^ ไม่เพียงแค่เครื่องสำอาง แต่” เอฟฟาคลาร์ ไมเซลล่าร์” ยังสามารถเช็ดทำความสะอาดผิวมลภาวะ แม้ฝุ่นละอองจิ๋ว pm2.5 นอกจากประสิทธิภาพที่จัดมาแล้ว ความอ่อนโยนจาก เอฟฟาคลาร์ ไมเซลล่าร์ สามารถเช็ดทำความสะอาดผิวทั่วใบหน้า รวมทั้งบอบบางรอบดวงตาและริมฝีปาก แล้วยังไม่ทำให้ผิวรุ้สึกแห้งตึง หลังจากใช้แล้ว ผิวหน้ารู้สึกสะอาดสดชื่น ไม่อุดตัน หมดคำถามสิวอุดตัน ดูแลยังไงไปได้เลย พร้อมสำหรับการทำความสะอาดและบำรุงผิวในขั้นตอนต่อไป
- 2. EFFACLAR MICRO-PEELING PURIFYING GEL
ทำความสะอาดผิวกันต่อด้วย EFFACLAR MICRO-PEELING PURIFYING GELผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้าเนื้อเจลบางเบาไม่เหนียวเหนอะหนะ เด็ดขาดกับสิว แต่อ่อนโยนกับผิว ด้วยสาระสำคัญ LHA และซาลิไซลิก แอซิดที่ไปจัดการกับปัญหาสิว พร้อมกลีเซอรีนมาเติมเต็มความชุ่มชื้นแก่ผิว ผ่านการทดสอบกับผู้ที่มีผิวบอบบาง ที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง ว่าสามารถใช้ได้ทั้งกับผิวหน้า และผิวกาย นอกจากนั้นยังเป็นสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอออล์ สารสบู่ และสารกันเสียกลุ่มพาราเบน และยังมีค่า pH ใกล้เคียงกับผิว ไม่ทำลายสมดุลของผิว
- 3. EFFACLAR DUO (+) SPF 30
ดูแลผิวให้พร้อมรับมือกับวันใหม่ ด้วย EFFACLAR DUO (+) SPF 30 ผลิตภัณฑ์มอยซ์เจอไรเซอร์ ผสานสารกันแดด ด้วยค่าการปกป้อง SPF30/PA+++ ช่วยลดปัญหาสิวและรอยสิว พร้อมการปกป้องผิวจากแสงแดดในขั้นตอนเดียว ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันละลดโอกาสการเกิดสิว*,**(*สิวเสี้ยน สิวอุดตัน, **เมื่อใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง) ด้วยสารสำคัญได้แก่ ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide), LHA, โปรซีหราด (Procerad) และเทคโนโลยีการปกป้องผิว “ANTI-UV ANTIOXIDANT XL ” สามารถปกป้องผิวจากรังสียูวีเอและบีและมลภาวะ
รอยสิวไม่ใช่เรื่องจิ๋วเลยใช่มั้ยล่ะ เชื่อว่าหลายคนที่ได้อ่านบทความนี้ คงรู้วิธีการรับมือกับรอยสิวและจุดด่างดำเจ้าปัญหากันเป็นที่เรียบร้อย นอกจากจะได้รู้จักสาเหตุการเกิดจุดด่างดำแล้ว ยังได้คำแนะนำครีมลดรอยสิว จุดด่างดำไปอีกด้วย สิวจะบุกกี่ครั้งก็ไม่หวั่น
^ผลการทดสอบทางคลินิกในอาสาสมัคร 20 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ โดยสถาบันวิจัยลอรีอัล ประเทศฝรั่งเศส เมื่อมกราคม 2016