10 วิธีลดรอยดำเพื่อผิวกระจ่างใส สุขภาพดี โดย ลา โรช-โพเซย์

Article Read Duration 7 min read

Title Chapo

วิธีลดรอยดำที่เกิดจากสิว เป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างสูง เนื่องจากการอักเสบที่เกิดขึ้น และนำไปสู่กระบวนการสร้างเม็ดสีจนกลายมาเป็นรอยดำที่เกิดจากสิวจึงไม่สามารถรักษาให้หายได้ในทันที ต้องใช้ระยะเวลาในการฟื้นบำรุงอย่างต่อเนื่องจนกว่าจุดด่างดำนั้นจะจางลงในที่สุด แม้รอยดำจากสิวจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย แต่อาจกระทบต่อสภาพจิตใจของใครหลายคนเป็นอย่างมาก เพราะจุดบกพร่องเด่นชัดอยู่บนใบหน้า จนใครต่อใครสามารถสังเกตเห็นได้ พาลทำให้เกิดความเครียด วิตกหรือไม่สบายใจต่อรูปลักษณ์ของตนเอง ด้วยเหตุนี้เอง ลา โรช-โพเซย์ จึงจะพาทุกคนไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุของการเกิดจุดด่างดำ พร้อมแชร์ 10 วิธีลดรอยดำจากสิว เพื่อผิวที่ดูกระจ่างใส และสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว



รอยดำคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร?

รอยดำ คือ จุดหรือรอยที่มีสีเข้มกว่าผิวหนังบริเวณอื่น ๆ ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายมีการผลิตเม็ดสีเมลานินในปริมาณที่มากผิดปกติ รอยดำจากสิวเกิดขึ้นเพื่อปกป้องชั้นผิวที่เสียหายจากการอักเสบของปัญหาสิว ทำให้บริเวณที่ได้รับผลกระทบเกิดเป็นรอยดำหรือจุดด่างดำขึ้น



ประเภทของรอยจากปัญหาสิว

ประเภทของรอยต่างๆ ที่เกิดขึ้นบนใบหน้าหลังการเป็นสิว สามารถแบ่งได้จากลักษณะดังต่อไปนี้



รอยแดง (Post Inflammatory Erythema)

รอยแดงจากสิว มีลักษณะเป็นจุดสีแดงหรือชมพูเข้ม มักเกิดจากการอักเสบของสิว ร่างกายจึงต้องมีการฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ได้รับเสียหาย ทำให้เส้นเลือดบริเวณที่เคยเกิดสิวมีการขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดรอยแดงขึ้นบนใบหน้า



รอยดำ (Post Inflammatory Hyperpigmentation, PIH)

รอยดำจากสิว มีลักษณะเป็นรอยคล้ำ เกิดจากการที่ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินในบริเวณที่สิวขึ้น เพื่อซ่อมแซมความเสียหายของชั้นผิวหลังจากการอักเสบ จึงทำให้จุดที่เคยเป็นสิวมีสีเข้มขึ้นกว่าผิวโดยรอบ โดยต้องใช้ระยะเวลานานกว่าที่รอยคล้ำจะจางลง



รอยหลุมสิว (Atrophic Scars)

รอยหลุมสิวหรือรอยแผลเป็น เกิดจากการอักเสบถึงผิวหนังชั้นลึก และร่างกายไม่สามารถสร้างคอลลาเจนได้เพียงพอต่อความเสียหายของเนื้อเยื่อ ส่งผลให้ผิวหนังบริเวณนั้นเกิดเป็นหลุมลึกหรือรอยนูนที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน



วิธีที่ 1 หลีกเลี่ยงการบีบสิว

หลีกเลี่ยงการบีบ แคะหรือแกะสิว เป็นวิธีแรกที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เพราะ“การป้องกันดีกว่าการแก้ไขเสมอ” พฤติกรรมการบีบ แคะ แกะสิว เป็นการทำร้ายสภาพผิว ซึ่งอาจส่งผลต่อปัญหาที่รุนแรงตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็น



การอักเสบลุกลาม

การอักเสบลุกลาม เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ภายในเม็ดสิว ถูกแพร่กระจายขณะบีบสิว ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่ลุกลามไปยังบริเวณโดยรอบ และอาจทำให้สิวจุดเดิมพัฒนากลายเป็นขนาดใหญ่ที่อักเสบรุนแรงมากขึ้น



การเกิดแผลเป็น

การเกิดแผลเป็น เพราะเมื่อแกะสิวหรือบีบสิว ทำให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์ผิว ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดหลุมสิวบนใบหน้าที่ยากต่อการรักษา และต้องใช้เวลาสำหรับการฟื้นฟูผิวที่นานมากขึ้น



วิธีที่ 2 ปกป้องผิวจากแสงแดด

แสงแดด เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ริ้วรอยก่อนวัย ฝ้า กระ จุดด่างดำ ที่รวมไปถึงทำให้รอยดำจากสิวเข้มขึ้น นอกจากนี้แสงแดดยังส่งผลให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น จึงเพิ่มโอกาสการเกิดปัญหาสิวได้อีกด้วยจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่มีค่าการปกป้องที่สูง (SPF50+/PA++++) และต้องใช้ครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน และต้องเป็นครีมกันแดดสูตรที่ไม่ทำให้อุดตัน (Non-comedogenic) การเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสมสามารถช่วยลดการเกิดสิว และลดรอยดำที่เกิดจากปัญหาสิวได้ด้วย



วิธีที่ 3 ทานอาหารที่มีประโยชน์

การทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทุกคนสามารถทำตามได้ เพราะในอาหารบางประเภท โดยเฉพาะผัก และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จะช่วยลดการอักเสบที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี รวมทั้งช่วยลดรอยสิว และฟื้นบำรุงผิวให้แข็งแรงได้มากยิ่งขึ้น



วิธีที่ 4 ดื่มน้ำให้เพียงพอ

การดื่มน้ำให้เพียงพอในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยลดสาเหตุของการลดปัญหาสิว ได้ดังนี้



ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน

ลดการผลิตน้ำมันส่วนเกิน เพราะเมื่อผิวขาดน้ำ ต่อมไขมันจะมีการผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณมาก เพื่อชดเชย และป้องกันการสูญเสียน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้รูขุมขนเกิดการอุดตัน และนำไปสู่การเกิดสิวได้ในที่สุด ดังนั้นการดื่มน้ำอย่างเป็นประจำจึงไม่เพียงแต่ลดปัญหาสิว แต่ยังเพิ่มความชุ่มชื้น และทำให้ผิวมีความหยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี



กระตุ้นการฟื้นฟูผิว

กระตุ้นการฟื้นฟูผิวได้ การดื่มน้ำที่เพียงพอทำให้การไหลเวียนของเลือดในร่างกายดีขึ้น ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้เซลล์ผิวสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็ว และลดการอักเสบหลังการเกิดสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ



วิธีที่ 5 นอนหลับพักผ่อน

การนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวันและนอนในช่วงเวลาเดิมๆ จะช่วยให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นฟู และซ่อมแซมเซลล์ผิวที่ได้รับความเสียหายจากการอักเสบ พร้อมกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นบำรุงผิว และลดรอยแผลที่เกิดจากสิวได้อย่างเต็มที่



วิธีรักษารอยดำ



วิธีที่ 6 หลีกเลี่ยงความเครียด

หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะเมื่อร่างกายอยู่ในภาวะวิตกกังวล จะกระตุ้นให้มีการหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น มีปัญหารูขุมขนอุดตัน เกิดสิวได้ง่าย และกระทบต่อการฟื้นบำรุงผิวที่ช้าลงด้วยเช่นกัน



วิธีที่ 7 เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยน

เพราะผลิตภัณฑ์ที่มีสารที่มีฤทธิ์รุนแรงจะส่งผลให้ปราการผิวอ่อนแอลง ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการอักเสบ ระคายเคือง และอาจไปลดประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิวหรือการรักษารอยสิวให้ลดลงไปด้วย



วิธีที่ 8 ใส่ใจขั้นตอนการทำความสะอาดผิว

เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่เหมาะกับประเภทและปัญหาผิว หากแต่งหน้าก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางร่วมด้วยเสมอ และควรใส่ใจในการทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน (สัมผัสผิวอย่างเบามือ) และใช้เวลาในขั้นตอนการทำความสะอาด โดยเฉพาะการล้างหน้าอย่างเหมาะสม (ลูบไล้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าบนใบหน้าอย่างเบาๆ ประมาณ 20 วินาที) ไม่เร็วหรือนานเกินไป



วิธีที่ 9 ทำเลเซอร์หรือหัตถการเพื่อลดรอยสิว

เลเซอร์ลดรอย หรือการทำหัตการเพื่อจัดการปัญหาร่องรอยของปัญหาสิวมักเป็น การทำลายเซลล์ผิวบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเซลล์ขึ้นใหม่ และเติมเต็มเนื้อเยื่อบริเวณหลุมสิวให้ตื้นขึ้น โดยการรักษาวิธีนี้ไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะอาจทำให้ผิวบอบบางลง และเสี่ยงต่อการระคายเคืองเพิ่มมากขึ้น



วิธีที่ 10 ผลัดเซลล์ผิวใหม่

ผลัดเซลล์ผิวใหม่ เป็นกระบวนการกำจัดเซลล์ที่ตายแล้ว และกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ รวมทั้งฟื้นฟูสภาพผิวได้ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการสครับผิว การใช้กรด AHA หรือ BHA หรือ LHA รวมทั้งการทำทรีตเมนต์ต่าง ๆ เป็นต้น

โดยการผลัดเซลล์นั้นควรทำด้วยความระมัดระวัง เพราะเป็นวิธีการที่เสี่ยงต่อการระคายเคืองได้ง่าย ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ควรมีการปรึกษาและทำภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านัั้น



โปรไฟล์เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์ จาก ลา โรช-โพเซย์

เภสัชกรหญิงลักษณา ทรัพย์ชูกุล ผู้เชี่ยวชาญ

  • วุฒิการศึกษา
    • วิทยาศาตรบัณฑิต และวิทยาศาตรมหาบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • เภสัชศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
  • ประวัติการทำงาน
    • ประสบการณ์ด้านเครื่องมือแพทย์ (เครื่องเลเซอร์)
    • ประสบการณ์งานวิจัยการทดสอบทางคลินิกของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง
    • ประสบการณ์ด้านผลิตภัณฑ์เวชสำอางมากกว่า 10 ปี


EFFACLAR DUO+M


วิธีที่ 12 ผลิตภัณฑ์ลดรอยดำที่ได้ผลจริง จาก ลา โรช-โพเซย์

ขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ EFFACLAR DUO+M จาก ลา โรช-โพเซย์มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้า สำหรับผิวที่มีปัญหาสิว หรือมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย ช่วยจัดการปัญหาสิวได้อย่างครบวงจร จัดการปัญหาสิวเร็ว พิสูจน์ได้ใน 8 ชั่วโมงใช้ทาทั่วใบหน้าเป็นประจำทุกวันทั้งเช้า และก่อนนอน

* ผลการทดสอบความพึงพอใจในอาสาสมัคร 54 คน หลังใช้ผลิตภัณฑ์ 8 ชั่วโมงโดยสถาบันวิจัย Cosmetest ประเทศยูเครน เมื่อ พฤษภาคม 2023



สารสำคัญในเอฟฟาคลาร์ ดูโอพลัสเอ็มที่ช่วยดูแลปัญหาสิวอย่างครบวงจรพร้อมลดรอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิว

สารสำคัญในเอฟฟาคลาร์ ดูโอพลัสเอ็มประกอบด้วย

  • Phylobioma : นวัตกรรมเอกสิทธิ์ของ ลา โรช-โพเซย์ ในการช่วยลดปัญหาสิว*
  • Aqua Posae Filiformis (APF) : ส่วนผสมจากศาสตร์แห่ง Microbiome สำหรับการฟื้นบำรุงผิว
  • LHA (หรือ กรดไลโปไฮดรอกซี) และ BHA (กรดซาลิไซลิก) :ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ลดเลือนรอยดำจากสิวให้ดูจางลง โดยไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง
  • Zinc PCA : ควบคุมความมันส่วนเกินบนผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • Niacinamide :ปลอบประโลมผิวที่มีปัญหาสิว และฟื้นฟูให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • Procerad : ช่วยลดการอักเสบ และลดเลือนรอยดำจากสิว*ให้จางลง *สิวเสี้ยน สิวอุดตัน


ซื้อผลิตภัณฑ์ ลดรอยดำ จาก ลา โรช-โพเซย์ ที่ไหนดี? พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษที่พลาดไม่ได้

เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ EFFACLAR DUO+M มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงผิวหน้า ที่ช่วยลดเลือนรอยดำ ได้แล้ววันนี้ ที่ร้านค้าชั้นนำ วัตสัน บู้ทส์ อีฟแอนด์บอย บิวเทรียม ร้านยากรุงเทพ รวมทั้งโรงพยาบาล และร้ายขายยาทั่วไป หรือช่องทางออนไลน์ ที่ Shopee Lazada พร้อมโปรโมชันสุดพิเศษที่คุณไม่ควรพลาด



ซื้อผลิตภัณฑ์ ช่วยลดรอยดำ คลิก!



คำถามที่พบบ่อย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการลดรอยดำ มีดังนี้



ลดรอยดำจากสิวควรใช้ผลิตภัณฑ์อะไร?

นอกจากครีมกันแดดแล้ว การลดรอยดำจากสิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยทำให้รอยดำจางลง เช่นสารที่ไปลดการผลิตเม็ดสี, สารผลัดเซลล์อาทิเช่น

  • สารช่วยลดการผลิตเม็ดสีเช่น วิตามินซี ไนอะซินาไมด์ หรือ โปรซีราดที่มีคุณสมบัติลดการอักแสบ (ลดรอยแดง) และลดการผลิตเม็ดสี (ลดรอยดำ)
  • สารผลัดเซลล์ เช่น LHA หรือ BHAเพื่อช่วยเสริมกระบวนการผลัดเซลล์ผิว นอกจากจะช่วยลดการอุดตันของเซลล์ผิวแล้วยังช่วยเผยผิวดูกระจ่างใส จุดด่างดำแลดูจางลง


รอยดำจากสิวหายเองได้ไหม?

รอยดำหายเองได้ไหม โดยทั่วไปแล้วรอยดำที่เกิดจากสิวสามารถจางลงได้ ภายใน 2 - 12 เดือน ซึ่งขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบ และระยะความลึกของรอยสิว รวมทั้งการวิธีดูแลรักษาผิวหลังจากการเกิดสิว



รอยดำจากสิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์อะไร?

รอยดำจากสิว ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติในการแก้ไขปัญหาสิว รวมทั้งช่วยลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิวให้จางลง และหากป้องกันการเกิดสิวซ้ำซากได้ด้วยก็จะยิ่งช่วยดูแลปัญหาได้ง่ายและเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น

ขอแนะนำ EFFACLAR DUO+M จากลา โรช-โพเซย์ มอยเจอไรเซอร์บำรุงผิวหน้า สำหรับผิวที่เป็นสิว พร้อมคุณสมบัติในการลดปัญหาสิว และลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิวให้จางลง พร้อมมอบผิวที่เรียบเนียน กระจ่างใส EFFACLAR DUO+Mเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบกับผู้ที่มีปัญหาสิว และมีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย (sensitive skin) ภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง