สาเหตุหลักของการเกิดรอยสิว
สาเหตุหลักของการเกิดรอยสิว โดยทั่วไปมักเกิดจากสิวอักเสบหรือสิวหนอง ที่ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดการบวม และแดง เมื่อชั้นผิวได้รับความเสียหาย ทั้งจากการอักเสบหรือการดูแลไม่ถูกวิธี เช่น การบีบหรือแกะสิว ย่อมส่งผลทำให้ชั้นผิวเกิดการระคายเคือง และทิ้งร่อยรอยยากที่จะรักษา ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากสำหรับการฟื้นฟูผิว
ทำความรู้จักประเภทของรอยสิว
ประเภทของรอยสิว สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของรอยที่เกิดขึ้นได้ดังต่อไปนี้
รอยแดง (Post Inflammatory Erythema)
รอยแดงจากสิว เกิดจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากจนเกินไป ทำให้มีการอุดตันในรูขุมขน และนำไปสู่การเกิดสิวอักเสบ หลังจากนั้นร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู ทำให้เส้นเลือดบริเวณสิวมีการขยายตัว และเกิดเป็นรอยแดงหรือชมพูขึ้นในที่สุด
รอยดำ (Post Inflammatory Hyperpigmentation, PIH)
รอยดำจากสิว มักเกิดขึ้นภายหลังจากที่ผ่านกระบวนการอักเสบมาแล้ว ร่างกายมีจะการกระตุ้นให้ผิวบริเวณนั้นผลิตเม็ดสี (เมลานิน) เพิ่มมากขึ้น เพื่อเป็นการปกป้องชั้นผิวจากความเสียหาย ทำให้ปริมาณเม็ดสีบริเวณที่เกิดการอักเสบมีมากกว่าบริเวณอื่น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำหรือจุดด่างดำขึ้น โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นกับผู้มีโทนผิวเข้มมากกว่าผู้มีโทนผิวขาว
รอยหลุมสิว (Atrophic Scars)
รอยหลุมสิว คือ รอยแผลเป็นที่เกิดจากการอักเสบถึงผิวหนังชั้นลึก แม้ว่าสิวจะหายไปแล้ว และร่างกายมีการผลิตคอลลาเจนเพื่อฟื้นฟูเซลล์ผิว แต่ก็ไม่สามารถเติมเต็มเนื้อเยื่อได้อย่างสมบูรณ์ จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นกลายเป็นหลุมลึกที่มองเห็นได้ชัดเจน ปัจจุบันยังไม่มีผลิตภัณฑ์บำรุงผิวใด ๆ ที่สามารถแก้ไขรอยแผลเป็นหรือรอยหลุมสิวได้
6 เทคนิค ลดรอยสิว กู้ความมั่นใจให้ผิวหน้าแบบเห็นผลจริง
เมื่อทราบถึงสาเหตุ และประเภทของรอยสิวกันแล้ว ดังนั้นลา โรช-โพเซย์ขอแบ่งปันเทคนิคสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนได้กลับมามีผิวหน้าเรียบเนียนอีกครั้ง ซึ่งประกอบด้วยวิธีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า โดยเฉพาะการจับใบหน้าในขณะที่มือไม่สะอาด รวมถึงพฤติกรรมกด แกะ เกา และบีบสิว ที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้ผิวเกิดการระคายเคือง และเพิ่มการอักเสบได้ ซึ่งจะทำให้การรักษารอยสิวใช้เวลานานมากยิ่งขึ้น
2.ปกป้องผิวจากแสงแดด
ปกป้องผิวจากแสงแดด เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิวที่หลายๆ คนมองข้ามไป โดยเฉพาะสิวที่ขึ้นใหม่ นอกจากแสงแดดสามารถกระตุ้นให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้น ทำให้โอกาสเกิดปัญหาสิวเพิ่มมากขึ้นด้วยแล้ว แสงแดดยังสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้างเม็ดสีในผิวหนังเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้รอยสิวมีสีเข้มขึ้นได้โดยง่าย
3.ทานอาหารมีประโยชน์
ทานอาหารมีประโยชน์ สามารถช่วยฟื้นบำรุงผิวได้จากภายในสู่ภายนอก โดยเฉพาะผักหรือผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดการอักเสบได้ดี ยังเป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้สามารถฟื้นฟูปัญหาผิว และลดรอยแผลเป็นจากสิวได้ในระยะยาวเช่นเดียวกัน
4.ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน
ผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยนจะช่วยกำจัดเซลล์ที่ตายไปแล้ว ให้ผิวเผยผิวใหม่ที่ดูกระจ่างใส พร้อมกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ดังนั้นสารผลัดเซลล์ผิวนอกจากจะช่วยลดรอยสิวให้จางลง ยังเป็นการฟื้นฟูให้ผิวหน้ามีความกระจ่างใสเพิ่มมากขึ้น
5.ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว
ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยสิว เช่น ครีมหรือเซรั่มลดรอยสิว ที่มีส่วนผสม และคุณสมบัติในการฟื้นฟูผิว พร้อมลดรอยสิวให้จางลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยนเพื่อลดการระคายเคือง รวมทั้งหมั่นบำรุงผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อผลลัพธ์ในระยะยาว
6.ปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง
ปรึกษากับแพทย์ผิวหนัง เพื่อหาสาเหตุของการเกิดสิว และวิธีการรักษาที่มีความเหมาะสมในแต่ละบุคคล โดยแพทย์ผิวหนังจะประเมินสภาพผิว และปัจจัยในด้านอื่น ๆ เช่น พฤติกรรม ไลฟ์สไตล์ และฮอร์โมนที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว เพื่อให้การรักษารอยสิวมีประสิทธิภาพสูงสุด
แนะนำสกินแคร์ที่ช่วยลดปัญหารอยสิว ด้วย EFFACLAR SERUM
ขอแนะนำ เอฟฟาคลาร์ เซรั่ม (EFFACLAR SERUM) เซรั่มลดรอยสิว จาก ลา โรช-โพเซย์ ผลิตภัณฑ์ทรงประสิทธิภาพได้รับแรงบันดาลใจจากโมเลกุลทางการแพทย์ ด้วยเซรั่มสูตรเข้มข้น และเนื้อสัมผัสบางเบา ช่วยจัดการปัญหาสิวที่ต้นตอ ลดเลือนรอยดำจากสิว พร้อมทั้งปรับสีผิวให้เรียบเนียน และสม่ำเสมอ นอกจากนี้ยังมาพร้อมโมเลกุลที่ช่วยปลอบประโลมผิวลดอาการระคายเคืองผิว และช่วยให้ผิวชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ผ่านการทดสอบกับผู้ที่มีผิวบอบบาง ระคายเคืองง่ายและผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย “ เอฟฟาคลาร์ เซรั่ม สลายสิว ผิวดูดีขึ้นใน 2 สัปดาห์”