หลักการสำคัญในการตัดสินใจเลือกใช้ครีมรักษาสิว
1. เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ
เพราะความหลากหลายและหลอกลวงที่มีอยู่เกลื่อนในสังคมทุกวันนี้ สิ่งสำคัญอันดับแรกในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ (ไม่เพียงแค่ในกลุ่มครีมรักษาสิวเท่านั้น) คือ “ความน่าเชื่อถือ“ ครีมรักษาสิวที่เลือกใช้ควรพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของผู้ผลิตเป็นสำคัญ หรืออาจจะลองสังเกตจากผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ เพราะอย่างไรปัญหาสิวก็ยังคงเป็นปัญหาผิวอันดับ 1 ที่คนไข้เข้าพบเพื่อดูแลและขอคำปรึกษาจากแพทย์ผิวหนังมากที่สุด ดังนั้นผู้ที่มีทั้งความรู้และประสบการณ์เรื่องปัญหาสิวคงไม่มีใครเทพเกินไปกว่าแพทย์ผิวหนัง อาจกล่าวได้ว่าผลิตภัณฑ์หรือแบรนด์ที่แพทย์ผิวหนังแนะนำให้ใช้ก็เปรียบเสมือนเป็นการการันตีความน่าเชื่อถือที่ผ่านการพิจารณาโดยแพทย์ผิวหนัง ซึ่งถือว่าเป็นทางลัดที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
2. มีสารสำคัญที่ถูกต้องและเหมาะสม
ทั้งในด้านคุณสมบัติของการออกฤทธิ์ และปริมาณความเข้มข้นที่ใช้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะบ่งชี้ไปถึงประสิทธิภาพการลดปัญหาสิวและความอ่อนโยน/ปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ หากสาระสำคัญในผลิตภัณฑ์สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างตรงจุดทั้ง 4 สาเหตุหลักของการเกิดสิว ย่อมแก้ไขสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นในผิว แต่ต้องมีในปริมาณความเข้มข้นที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปเพื่อการเห็นผลอย่างชัดเจนในเวลาที่สมควร ร่วมกับความอ่อนโยนในการใช้ผลิตภัณฑ์ ตารางด้านล่างคือการรวบรวมสาเหตุหลักของการเกิดสิว และคุณสมบัติของสารสำคัญที่จะไปแก้ไขแต่ละสาเหตุ พร้อมตัวอย่างสารสำคัญที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในการพิจารณาเลือกครีมลดสิวที่ทำงานครอบคลุมสาเหตุการเกิดสิวให้ได้มากที่สุด มีประสิทธิภาพที่ดีที่สุดในการลดปัญหาสิว ผลิตภัณฑ์ที่มีการทำงานตรงสาเหตุการเกิดสิวได้มากกว่าย่อมมีประสิทธิภาพการลดปัญหาสิวที่ดีกว่า ในระยะเวลาที่สั้นกว่าสาเหตุสำคัญของการเกิดสิว | กลไกการออกฤทธิ์ | ตัวอย่างสารสำคัญ |
1. การผลิตน้ำมันมากผิดปกติ | ลดการผลิตน้ำมัน | Zinc |
2. การแบ่งเซลล์ผิวมากผิดปกติ | ผลัดเซลล์ผิวที่อุดตัน | Salicylic acid, glycolic acid, Lipohydroxy acid (LHA) |
3. การอักเสบ | ลดการอักเสบ | Niacinamide |
4. ติดเชื้อแบคทีเรีย และเสียสมดุลแบคทีเรียบนผิว | ต้านเชื้อแบคทีเรีย + ปรับสมดุลแบคทีเรียบนผิว | Piroctone olamine, Aqua Posae Filiformis (APF) |
3. เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
ว่ามีประสิทธิภาพในการลดปัญหาสิวได้จริง และหากทำการทดสอบกับผู้ที่มีผิวบอบบาง มีแนวโน้มแพ้ง่าย/มีแนวโน้มระคายเคืองง่ายด้วย ก็จะยิ่งเป็นตอกย้ำว่าผลิตภัณฑ์นั้นมีทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย อ่อนโยนเหมาะกับผิวที่มีแนวโน้มเป็นสิวง่าย และมีแนวโน้มแพ้ง่าย
4. เป็นสูตรที่ไม่ทำให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) และมีโอกาสเกิดอาการแพ้ต่ำ (Hypoallergenic)
เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวใหม่ (เช่น สิวที่อาจจะมาจากการอุดตันจากสารประเภทน้ำมัน และหากมีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของทุกประเภทและทุกปัญหาผิวรวมถึงปัญหาสิวด้วยก็จะยิ่งดี
5. (หาก) มีการทดสอบว่าสามารถใช้ร่วมกับยาสิวได้
ก็จะยิ่งเป็นกำไรของผู้ใช้ เพราะผู้ที่มีปัญหาสิวกว่า 84% เคยใช้ยาในการรักษาสิว(a) ดังนั้นถ้าครีมรักษาสิวสามารถใช้ร่วมกับยาสิวได้ นั่นหมายถึงประสิทธิภาพในการลดและแก้ปัญหาสิวทำได้ดีมากขึ้นของผลของยาและครีมรักษาสิว และยังอาจจะช่วยลดอาการข้างเคียง เช่น อาการแสบ แดง แห้ง ลอกจากการใช้ยาสิวได้อีกด้วยการแก้ปัญหาสิวอย่างมีประสิทธิภาพต้องพยายามคอยสังเกตตนเองว่าสิ่งใดที่ส่งผลต่อการเกิดสิว ควรพิจารณาลดและเลี่ยงสิ่งเหล่านั้น เพื่อไม่เพิ่มสิวเกิดใหม่ สิวซ้ำซาก ส่วนปัญหาสิวที่มีอยู่ก็ใช้ยา หรือครีมรักษาสิว หรือใช้ทั้งยาและครีมร่วมกันในการแก้ปัญหาสิว ผู้ที่มีปัญหาสิวพึงตระหนักไว้เสมอว่าปัญหาสิวไม่คุ้มที่จะเสี่ยง ดังนั้นการเลือกใช้ครีมรักษาสิวต้องมั่นใจและมีความรู้ในการพิจารณาประหนึ่งแพทย์ผิวหนังที่เลือกใช้และแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับดูแลปัญหาสิวให้กับคนไข้ ครีมรักษาสิวที่ใช้ต้องมีทั้งประสิทธิภาพ ความอ่อนโยน และผ่านการทดสอบภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง
References:
(a) Sources: Observational study, 5270 patients (except Isotretinoin), 12 countries